Botulinum Toxin คืออะไร?
Botulinum Toxin คืออะไร?
Botulinum toxin เป็นโปรตีนที่ขัดขวางการปล่อยสารสื่อประสาทที่ชื่อว่า acetylcholine ซึ่งเป็นสารที่ทำให้กล้ามเนื้อหดตัว โดยการยับยั้งการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อจะช่วยลดการเกิดริ้วรอยและเส้นบาง ๆ บนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตา หน้าผาก และรอบปาก
ประเภทของ Botulinum Toxin
Botulinum toxin มีทั้งหมด 7 ชนิด แบ่งเป็นชนิด A ถึง G แต่ชนิดที่ใช้ในการรักษาทางการแพทย์และความงามคือชนิด A และ B ชนิดที่พบบ่อยในด้านความงามได้แก่:
- Botulinum toxin ชนิด A (เช่น โบท็อกซ์, ดิสพอร์ต, ซีโอมีน)
- Botulinum toxin ชนิด B (เช่น Myobloc)
กลไกการทำงาน
เมื่อฉีด Botulinum toxin เข้าไปในกล้ามเนื้อเฉพาะเจาะจง มันจะขัดขวางสัญญาณประสาทที่ทำให้กล้ามเนื้อหดตัว การผ่อนคลายของกล้ามเนื้อนี้ทำให้ผิวหนังที่อยู่บนกล้ามเนื้อเรียบเนียนขึ้น ผลลัพธ์มักคงอยู่ประมาณ 3 ถึง 6 เดือน หลังจากนั้นกล้ามเนื้อจะค่อย ๆ กลับมาหดตัวได้ตามปกติ และริ้วรอยอาจกลับมาอีกครั้ง
การใช้งานในด้านความงาม
- การลดริ้วรอย: ใช้เพื่อช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า เช่น รอยตีนกา ริ้วรอยหน้าผาก และรอยย่นระหว่างคิ้ว
- การปรับรูปหน้า: ใช้ในการลดขนาดกราม ปรับรูปหน้า และยกคิ้ว
- การรักษาภาวะเหงื่อออกมากเกินไป: Botulinum toxin มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะเหงื่อออกมากเกินไป (hyperhidrosis) โดยเฉพาะบริเวณรักแร้ ฝ่ามือ และฝ่าเท้า
การใช้งานในด้านการแพทย์
นอกจากด้านความงามแล้ว Botulinum toxin ยังมีการประยุกต์ใช้ในด้านการแพทย์หลากหลายด้าน:
- รักษาอาการปวดศีรษะไมเกรนเรื้อรัง: ช่วยลดความถี่ของการเกิดไมเกรน
- รักษากล้ามเนื้อหดเกร็ง: ใช้รักษาภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง เช่น ภาวะกล้ามเนื้อคอหดเกร็ง (cervical dystonia)
- รักษาภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวมากเกินไป: ช่วยลดอาการของภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวมากเกินไป
- รักษาภาวะตาเหล่: ช่วยปรับความสมดุลของกล้ามเนื้อตาโดยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อตาที่ทำงานเกินไป
ขั้นตอนและความปลอดภัย
ขั้นตอนการรักษาเกี่ยวข้องกับการฉีด Botulinum toxin ในปริมาณเล็กน้อยเข้าสู่กล้ามเนื้อเฉพาะเจาะจงด้วยเข็มเล็ก โดยทั่วไปแล้วขั้นตอนนี้รวดเร็วและไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยคืออาการเจ็บเล็กน้อยที่บริเวณฉีด รอยฟกช้ำ และกล้ามเนื้อที่ใกล้เคียงอาจอ่อนแอชั่วคราว ผลข้างเคียงที่รุนแรงเป็นเรื่องหายาก แต่อาจรวมถึงการกลืนอาหารลำบาก ปัญหาการหายใจ และปฏิกิริยาภูมิแพ้
ใครที่เหมาะสมกับการรักษา?
ผู้ที่เหมาะสมสำหรับการรักษาคือบุคคลที่ต้องการลดการเกิดริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ (dynamic wrinkles) และผู้ที่มองหาตัวเลือกในการฟื้นฟูใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด นอกจากนี้ยังเหมาะสมกับผู้ป่วยที่มีภาวะทางการแพทย์เช่น ไมเกรนเรื้อรังหรือภาวะเหงื่อออกมากเกินไป
การดูแลก่อนและหลังการรักษา
ก่อนการรักษา ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาละลายลิ่มเลือด แอลกอฮอล์ และยาต้านการอักเสบเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดรอยฟกช้ำ
หลังการรักษา ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการนอนราบเป็นเวลาหลายชั่วโมง และหลีกเลี่ยงการนวดบริเวณที่ฉีดเพื่อลดโอกาสที่สาร Botulinum toxin จะเคลื่อนย้ายไปยังตำแหน่งอื่น
ผลลัพธ์และการติดตามผล
ผลลัพธ์ของการรักษามักจะปรากฏในช่วง 3 ถึง 7 วัน โดยผลเต็มที่มักเห็นได้ชัดเจนในประมาณสองสัปดาห์ ผลลัพธ์จะเป็นเพียงชั่วคราว ดังนั้นจึงต้องมีการรักษาซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์ โดยความถี่ของการรักษาขึ้นอยู่กับบริเวณที่รักษาและการตอบสนองของแต่ละบุคคล